แห่ร้อง ผบก.ปคบ.ช่วยหลังโดน บริษัทฯ เท GiftVoucher มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท

แห่ร้อง ผบก.ปคบ.ช่วยหลังโดน บริษัทฯ เท GiftVoucher มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 23 ก.พ. ที่ ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ผู้เสียหายกว่า 50 คน จากการซื้อ GiftVoucher ท่องเที่ยวรีสอร์ท ย่านพัทยา ซื้อบัตร กับบริษัท Color Ocean Group  แต่พอถึงกำหนด กลับเข้าพักไม่ได้ เกิดความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ราเชน แสงหมี รอง ผกก.1 บก.ปคบ.

ตัวแทนผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า พวกตนเดินทางมาร้องขอให้ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.ตั้งชุดพนักงานสืบสวนและสอบสวนดำเนินการสอบสวนการกระทำความผิดของ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยนจำกัด กับพวก เนื่องจาก กับพวกที่ยังไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใดบ้าง ได้ดำเนินการผลิตและจำหน่ายบัตรกำนัลที่พัก,ร้านอาหารและการใช้บริการอื่นๆโดยจัดทำบัตรกำนัลให้ดูมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริงที่จำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป แต่กลับจำหน่ายบัตรกำนัลให้กับตัวแทน(หลัก)ของบริษัทในราคาถูกกว่าความเป็นจริง และมีห้องพักหรือสถานที่ให้บริการน้อยกว่าจำนวนบัตรกำนัลที่พิมพ์ออกจำหน่ายมาก นอกจากนี้ยังทำการโฆษณาชวนเชื่อในระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้บริโภคเข้าไปตรวจสอบหลงเชื่อและซื้อบัตรกำนัลจำนวนมากแต่ไม่สามารถใช้บริการที่พักร้าน,ร้านอาหารหรือการบริการอื่นๆได้ตามที่โฆษณา เป็นเหตุให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหายหลายพันราย 

ทั้งนี้ เมื่อประมาณปลายปี 2563 บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด จะส่งบุคคลธรรมดาไปขอเช่าบ้านพัก โรงแรม คอนโดมิเนี่ยมสวนน้ำและร้านอาหารต่างๆ เมื่อตกลงเช่าได้แล้วจะเข้าไปถ่ายรูปและไลฟ์สด ผ่านเพจ Amantara Group เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ จากนั้นจะนำภาพถ่ายในแต่ละสถานที่ไปจัดพิมพ์เป็นบัตรกำนัลแบบต่างๆ ตามตัวอย่างบางส่วนของบัตรกำนัลทั้งหมดเท่านั้น จะเห็นได้ว่าราคาที่พิมพ์บนบัตรมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง โดยอ้างอิงจากราคาที่ บริษัทฯ ให้บริการลูกค้าทั่วไปที่เข้ามารับบริการปกติ(walk in)

แต่บริษัทฯ จะจำหน่ายให้แก่ตัวแทน(หลัก)เป็นเล่ม เล่มละไม่น้อยกว่า 100 ฉบับ ตัวอย่างเช่น บัตรกำนัลที่พัก ES Color


ocean พิมพ์มูลค่าหน้าบัตรจำนวน 4,500 บาท(แบบ 1 BedRoom Poo Access) แต่คิดค่าบริการลูกค้าที่เข้าพักโดยทั่วไป(Walk in) ในราคาเพียง 1,100 บาท เท่านั้น และเสนอขายให้แก่ตัวแทน(หลัก)เป็นเล่ม หากซื้อ 10 เล่ม(1,000 ฉบับ) จะตก

ราคาใบละ 335 บาท ทั้งนี้ตัวแทน(หลัก)จะซื้อบัตรกำนัลคราวละจำนวนหลายพันฉบับ 

เมื่อตัวแทน(หลัก)ตกลงซื้อบัตรกำนัลของ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ผู้ซื้อตรงจากบริษัท ต้องชำระเงินค่าบัตรกำนัล ให้แก่บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ชื่อบัญชีบริษัท ไทย พาวเวอร์ เจเนเรชั่น(ไทยแลนด์) จำกัด เลขที่บัญชี 065-1-21952-3 โดยสองบริษัทนี้มีกรรมการผู้จัดการคนเดียวกัน 

นอกจากนี้ บริษัท คัลเลอร์ โอนเชี่ยน จำกัด ยังจำหน่ายบัตรโดยวิธีการไลฟ์สด ในเพจของ Amantara Group และมีประชาชนหลงเชื่อซื้อมาจำนวนมาก โดยการไลฟ์สดจะมีกรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด เป็นผู้ดำเนินการและโอนเงินชำระค่าบัตรกำนัล ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ชื่อบัญชีบริษัท ไทย พาวเวอร์ เจเนเรชั่น(ไทยแลนด์) จำกัด เลขที่บัญชี 065-1-21952-3 เช่นกัน


ในส่วนของตัวแทนหลัก เมื่อซื้อบัตรกำนัลและได้รับบัตรกำนัลมาจากบริษัทฯแล้ว ตัวแทนหลักก็จะปล่อยขายให้กับพ่อค้า แม่ค้ารายย่อย มาขายตามเพจที่พักต่างๆเป็นทอดๆต่อไปจนถึงมือผู้บริโภคเป็นลำดับสุดท้าย

ผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้เสียหายที่มาร้อง ปคบ.วันนี้ เห็นว่าบัตรที่พ่อค้าแม่ค้าเสนอขายมีราคาหน้าบัตรที่สูง แต่ขายในราคาที่ไม่แพง และเข้าไปดูในเพจทำการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการพักได้จริง จึงตกลงซื้อบัตรกำนัลไว้ใช้บริการเพราะเข้าใจว่าตนซื้อของแพงได้ในราคาถูกโดยไม่ทราบเลยว่าราคาบัตรที่ซื้อไม่ได้ต่างจากราคาลูกค้าที่ใช้บริการทั่วไป(walk in) มากนัก

ในส่วนข้อเท็จจริงว่าที่พักมีน้อยกว่าจำนวนบัตรที่ผลิตหรือไม่ สามารถสืบสวนสอบสวนได้จากกลุ่มอดีตพนักงานบริษัทฯที่บริษัทฯไม่จ่ายเงินค่าจ้าง ซึ่งเป็นผู้เสียหายกลุ่มจากการจ้าง

ประมาณเดือนมีนาคม 2564 บริษัทฯเริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน และกลางปี 2564 ผู้บริโภคที่ซื้อบัตรกำนัลประเภทแพตกหมึกเริ่มใช้บริการไม่ได้เพราะ บริษัทฯค้างเงินค่าแพตกหมึก ค้างค่าอาหารทะเล ส่วนผู้บริโภคที่มีความประสงค์จะจองห้องพักก็จองไม่ได้โดย บริษัทฯให้เหตุผลว่าที่พักเต็มและมีพนักงานติดโควิด แต่ในความเป็นจริงที่ใช้ไม่ได้นั้นเป็นเพราะบริษัทฯค้างค่าเช่าและมีที่พักไม่เพียงพอมาตั้งแต่ต้น

ปลายเดือนกันยายน 2564 บริษัทฯเชิญตัวแทนและลูกค้ารายใหญ่เข้าประชุมเพื่อชี้แจงสถานการณ์ของบริษัทฯ

และต้องการจำหน่ายบัตรกำนัลที่พิมพ์เพิ่มมาอีก

ต้นเดือน ตุลาคม 2564 กลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมประชุมกับ บริษัทฯ ได้แจ้งลูกค้าที่ซื้อบัตรกำนัลจากตนไปจำหน่ายทำ

กำไรโดยมีใจความสำคัญสรุปได้ว่า "บริษัทฯมีปัญหา บัตรที่พักต่างๆจะเริ่มมีปัญหาบานปลายในปี 2565 ให้ศึกษาคดีของ

แหลมเกตุและคดีบุฟเฟ่ต์สวนทุเรียนไว้ให้ดี ให้รีบเทขายบัตรกำนัลที่อยู่ให้หมดภายในเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ 2565"

ทำให้ทราบว่ากลุ่มแม่ค้ารายใหญ่และกลุ่มตัวแทนหลักน่าทราบข้อเท็จจริงว่า บริษัท โอเชี่ยน คัลเลอร์ จำกัด มีปัญหา จึงรีบเทขายบัตรกำนัลที่ตนถืออยู่ออกไปให้หมดโดยเร็ว ทั้งที่รู้ว่า

ผู้บริโภคจะไม่สามารถเข้าใช้บริการได้

ต้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทฯ ประกาศหยุดกิจการชั่วคราวจำนวน 15 วัน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า มีผู้บริโภคจำนวนมากที่จองที่พักตามบัตรไว้ก่อนหน้านี้แล้วเดินทางมาถึงที่พักแต่ไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนี่ยมแจ้งว่า บริษัทฯค้างค่าเช่าหลายเดือนและได้หนีไปแล้ว

ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา บ้านพัก คอนโดมิเนี่ยม รีสอร์ท และโรงแรมต่างๆเริ่มมีประกาศว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด และบัตรกำนัลของบริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ไม่ใช่ของตนและไม่สามารถนำมาขอรับบริการจากตนได้ 

ต้นปี 2565 บริษัทฯประกาศยกเลิกการจองใช้บริการของลูกค้าทั้งหมดที่สามารถจองได้แล้วก่อนหน้านี้ และมีประกาศอื่นๆ ตามมาอีกหลายครั้ง 

หลังจากบริษัทฯประกาศยกเลิกการจองผู้บริโภคเริ่มติดต่อ บริษัทฯ ไม่ได้ เข้าใช้บริการตามบัตรไม่ได้ และขอ

จองใช้บริการตามบัตรไม่ได้

มีผู้เสียหายทั้ง 4 กลุ่ม มีจำนวนเกือบ 1 พันคนจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

///////////

ขอขอบคุณ

ภาพ/ข่าว​ กมล​ แย้มอุทัย​ ผู้สื่อข่าวพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Uso cookies para darte un mejor servicio.
Mi sitio web utiliza cookies para mejorar tu experiencia. Acepto Leer más