ร้องกองปราบฯ โดนยัดข้อหาทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่  2 ก.พ. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.(ข้างแดนเนรมิตรเก่า) นายประสาท แรงทอง พร้อมนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเดินทางเข้าพบพนักงานสอบวน บก.ป.เพื่อร้องทุกข์ต่อ ผู้บังคับการกองปราบปราม ขอให้ช่วยคลี่คลายคดีนี้และร้องขอให้โอนคดีนี้ให้กองปราบทำคดีแทนเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม 

นายประสาท แรงทอง ผู้ต้องหาในคดีทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย นำพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ให้โอนคดีจาก สภ.สังขะ จังหวัดสุรินทร์ มาให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามสืบสวนข้อเท็จจริง หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องตกเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่มีพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่ว่าขณะเกิดเหตุทำร้ายร่างกาย นายประสาทไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เป็นขบวนการกุเรื่องแจ้งความเท็จ และปั้นพยานหลักฐานโดยเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับที่นายประสาทถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 17 มกราคม 2563 จำนวนเงิน 6 ล้านบาท

นายประสาท เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองเดินทางไปงานศพญาติที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยไม่ได้รู้จักกับผู้เสียชีวิต รู้เพียงว่าพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน หลังเสร็จธุระ ก็เดินทางกลับบ้านที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ออกเดินช่วงประมาณเที่ยงของวันที่ 19 ธันวาคม 2564 โดยกล้องวงจรปิดที่ด่านประโคมชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จับภาพทะเบียนรถของตนขณะผ่ายด่านได้ในเวลา 13.44 น. และผ่านด่านวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เวลา 16.19 น. ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าตนเองไม่สามารถลงมือทำร้ายผู้เสียชีวิตตอนเวลาประมาณ 14.00 น. ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ แต่เมื่อตนเองกลับมาถึงบ้านและทราบข่าวว่าตกเป็นผู้ต้องหา ก็รีบเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และนำหลักฐานไปชี้แจง แต่ก็ยังถูกแจ้งข้อหาอยู่ดี

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมระบุว่า นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอของผู้เสียชีวิต ขณะกำลังรักษาตัว โดยมีอาการเพ้อว่าจะไปฆ่าวัว แต่ไม่มีการกล่าวถึงว่านายประสาทเป็นผู้ที่ถูกทำร้าย และผลชันสูตรของแพทย์ก็ไม่ได้ระบุร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นการเสียชีวิตจากปอดติดเชื้อและตับอักเสบรุนแรง ซึ่งมีข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตถูกวัวชน อีกทั้งพยานของฝ่ายผู้แจ้งความ ก็ไม่น่าเชื่อถือ ให้การไม่ตรงกัน และอีกรายก็สติไม่สมประกอบ

ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าขบวนการปั้นพยานครั้งนี้มีผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจอยู่เบื้องหลัง เพื่อหวังให้นายประสาทนำเงินที่ถูกรางวัลมาเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะตำรวจ สภ.สังขะ ไม่มีการตรวจพยานหลักฐานของนายประสาทแต่อย่างใด จึงต้องการให้ตำรวจกองปราบรับโอนคดีนี้ เพราะเกรงว่านายประสาทจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

/////////

ขอขอบคุณ

ภาพ/ข่าว  กมล  แย้มอุทัย  ผู้สือข่าวพิเศษ