สน.ลุมพินี ตามจับสาวประเภทสองร่วมก่อเหตุปลดทรัพย์ชาวต่างชาติย่านสุขุมวิท

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5  สั่งการให้ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร รองผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภราดร สุวรรณรัตน์ พ.ต.ท.ปกป้อง อุไรพันธุ์ สว.สส.สน.ลุมพินี พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ร่วมกันจับกุมนายอนุรักษ์ หรือ เปีย ทองสุก อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.648/2564 จับกุมได้ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ย่านพัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายอิทธิพล หรือ ซอ ศรีจุมพล อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.672/2564 จับกุมได้ที่ซอยบางนา-ตราด 26 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. นายบุญฑริกา หรือ เกรซ ภูสระไสย์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.673/2564 จับกุมได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ข้อหา “ ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน”

สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มสาวประเภทสองปลดทรัพย์ชาวต่างชาติจำนวนหลายครั้งบริเวณแนวถนนสุขุมวิท และภายในซอยพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อผู้เสียหายได้จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวโครเอเชียและอินเดีย โดยผู้เสียหายทั้งสองให้การตรงกันว่าขณะที่ผู้เสียหายเดินอยู่บริเวณริมถนนได้ถูกกลุ่มคนร้ายที่เป็นกลุ่มสาวประเภทสองมาทำทีเข้ามารุมโอบกอดทักทาย จากนั้นฉวยโอกาสลักเอาสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่และรีบหลบหนีไป 

ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ภาพกล้องวงจรปิด จนสืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจำนวนหลายครั้งนั้นเป็นกลุ่มคนร้ายเดียวกัน และรวบรวมพยานหลักฐานร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับกลุ่มคนร้ายที่หลบหนี จนสามารถติตตามจับกุมคนร้ายที่ร่วมกระทำผิดได้ทั้งหมดขณะหลบหนีภายในพื้นที่ กทม.จ.ชลบุรี และ จ.กาฬสินธุ์ นำผู้ต้องหามาขยายผลตรวจยึดเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุจริงก่อนที่ขยายผลติดตามตรวจยึดสร้อยคอทองคำที่ถูกลักไปซึ่งคนร้ายนำไปขายที่ร้านทองย่านหนองบอน เขตประเวศ กทม. จากการตรวจสอบประวัติกลุ่มผู้ต้องหาพบว่าผู้ต้องหาทั้งสามคนเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดและคดีเกี่ยวกับทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ กทม. และจ.ชลบุรี อีกด้วย เบื้องต้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวตนได้สั่งการเน้นกำชับการปฏิบัติหน้าที่กรณีที่มีเหตุอาชญากรรมกับชาวต่างที่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทอย่างเคร่งครัด  หากประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่างๆ โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องทีได้ทันทีต่อไป

//////////

ขอขอบคุณ

ภาพ/ข่าว  กมล  แย้มอุทัย  ผู้สื่อข่าวพิเศษ