ตร.ร่วม ดีอีเอส ปราบข่าวปลอม รอบ 8 เดือนพบเป็นข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน จำนวน 1193 ราย (Urls)

ตร.ร่วม ดีอีเอส ปราบข่าวปลอม รอบ 8 เดือนพบเป็นข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน จำนวน 1193 ราย (Urls)

วันที่ 29 ธ.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  หรือ ANSCOP  มีการบูรณาการประสานงานกับกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาข่าวและข้อมูลปลอมอย่างต่อเนื่อง  โดยมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งประเทศไทย  หรือ  AFNC  รับผิดชอบในการรับเรื่อง  ติดตาม  ตรวจสอบข้อมูลข่าวที่อาจมีลักษณะปลอมหรือบิดเบือนอยู่ตลอดเวลา  มีการประสานงานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมทุกส่วนราชการ  หรือหน่วยงานของรัฐ  เพื่อตรวจสอบและยืนยันข่าว  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือนแล้ว  ก็จะส่งต่อข้อมูลดังกล่าวมายัง  

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  หรือ ANSCOP  เพื่อดำเนินการพิจารณาความผิดตามหลักกฎหมายที่กำหนดไว้  อาทิ  พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ  ประมวลกฎหมายอาญา  และกฎหมายอื่นๆ  ที่เกี่ยวข้อง  หากเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิด  เมื่อผู้เสียหายได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคงสำนักงานตำรวจชาติ  หรือ  ANSCOP  ในรอบ 8 เดือน ( 1 พ.ค. จนถึง  ปัจจุบัน) พบว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งประเทศไทย  หรือ  AFNC  ได้ส่งโพสต์ที่ตรวจพบและตรวจสอบแล้วได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน  จำนวน 1193 ราย (Urls)  มีโพสต์ที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการพิสูจน์ทราบผู้กระทำผิดแล้ว  จำนวน 287 ราย (Urls)  ซึ่งมีผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ  ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว  จำนวน 53 คดี  ซึ่งอยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน  และทำสำนวนคดี  ส่งฟ้องตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ดำเนินการตักเตือน ให้แก้ไขข่าวหรือลบโพสต์  จำนวน 36 ราย  ตามที่กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่จะทำได้ในกรณีข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน  ที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด 19 ที่ไม่รุนแรง  อีกทั้งยังได้ขึ้นบัญชี ที่ต้องเฝ้าติดตามผู้ที่มีพฤติการณ์โพสต์ข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน  จำนวน  906 ราย (Urls)     

           

หากพบมีการโพสต์ข่าวหรือข้อมูลปลอม  ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายทันที  ในขณะเดียวกันผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ยังมีนโยบายให้จัดตั้งศูนย์วิเคราะห์ข่าว  ของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หรือ  บช.สอท.  เพื่อปบัติการชี้แจงและตอบโต้ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้หยุดเคลื่อนไหวหรือลบโพสต์  ที่ไม่ถูกต้องหรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย  โดยการเข้าไป ติดต่อด้วยความสุภาพ  แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของข่าว  ที่อาจปลอมหรือบิดเบือน  ไปบนสื่อสังคมออนไลน์ในวงกว้าง  โดยที่ผ่านมามีผลการดำเนินการแล้ว  จำนวน 423 ราย (Urls)  ทำให้ผู้โพสต์หยุดเคลื่อนไหวหรือมีการลบโพสต์ดังกล่าว

ฝากความห่วงใยให้แก่พี่น้องประชาชนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ระมัดระวัง  หรือไม่ไตร่ตรองข้อมูลให้รอบด้าน  อาจตกเป็นเหยื่อเกิดความเสียหายได้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์  อย่าให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  เสมือนกับ “การฉีดวัคซีนให้กับประชาชน”  แต่หากมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดอาศัยใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำความผิด  ทั้งการหลอกลวงฉ้อโกง การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ  ปลอม  หรือบิดเบือน  ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน  สังคม  เศรษฐกิจของประเทศ  จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด  ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

/////////

ขอขอบคุณ

ภาพ/ข่าว  กมล  แย้มอุทัย  ผู้สื่อข่าวพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Uso cookies para darte un mejor servicio.
Mi sitio web utiliza cookies para mejorar tu experiencia. Acepto Leer más