ซึ่งวันนี้ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ‘คดีมีมูลประทับรับฟ้อง’ นัดพร้อมคู่ความในวันที่ 18 ม.ค.65 (เท่ากับนักจัดรายการชื่อดังและพวกรวม5คน ได้ ‘ตกเป็น จำเลย’ เรียบร้อยแล้ว)
น.ส.วริษนันท์ แอดมินเจน เปิดเผยภายหลังเข้ารับฟังคำสั่งศาลว่า วันนี้เป็นนัดที่ศาลชี้มูลความผิดในคดีที่ตนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนักจัดรายการดังคนหนึ่งและพวกรวม 5 คน ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องว่าคดีมีมูลในความผิดเกี่ยวกับว่าด้วยพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) (2) และคนแชร์คนแสดงความเห็นทั้ง 4 คน จะมีความผิดมาตรา 14(5) เพิ่มด้วย
คดีนี้ตนเป็นคนยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเองโดยไม่ผ่านพนักงานสอบสวนเมื่อกลางเดือนมีนาคม 2564
วันนี้ศาลอาญานัดมาฟังคำสั่งไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งนับว่าคดีนี้เริ่มเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ดังนั้นพิธีการชื่อดังคนนั้นพร้อมทั้งคนแชร์รวม 5 คนตกเป็นจำเลยในคดีอาญาแล้ว
ศาลมีคำสั่งให้เรียกจำเลยทั้ง 5 คนมาในครั้งถัดไป นัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยทั้ง 5 คนว่าจะให้การรับหรือปฏิเสธ ในวันที่ 18 มกราคม 2565 เวลา 09.00 น.
ต่อข้อถามว่า ถ้าจำเลยทั้ง 5 คน อยากจะขอประนีประนอมยอมความด้วยนั้น แอดมินเจนบอกว่า ตนจะขอปรึกษาทีมทนายก่อน เพราะความเสียหายจากการที่เขาเอาไปโพสต์แบบนั้นค่อนข้างเยอะมาก ส่งผลกระทบวงกว้าง เสียหายระดับประเทศไม่ใช่เสียหายแค่เฉพาะตัวเรา แตกต่างจากการหมิ่นประมาทเรา การกระทำของเขาส่งผลกระทบถึงสถาบันฯ ที่เราเคารพนับถือด้วย บุคคลที่มาร่วมกิจกรรมรับเสด็จฯ ในวันนั้นด้วยอาจจะได้รับความเสื่อมเสียไปด้วย ในความรู้สึกตนว่ามันค่อนข้างร้ายแรง เบื้องต้นก็จะให้คดีนี้เป็นไปตามกฎหมาย เอาผิดให้ถึงที่สุด
ตนฝากสื่อสารไปถึงเพื่อนๆ คนรักสถาบันฯ ที่ติดตามคดีนี้ว่าไม่ต้องห่วงว่าเราจะยอมความง่ายๆ ตนยืนยันว่าจะนำคดีนี้ให้ศาลได้พิสูจน์และตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ยอมความอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนักจัดรายการชื่อดัง คือนายณวัฒน์ อิสรไกรศีลได้โพสต์ เฟซบุ๊กบัญชี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล Mr.Nawat Itsaragrisil เมื่อ 1 พ.ย.63 พร้อมภาพกลุ่มคนเสื้อเหลืองพร้อมรถขนส่ง โดยระบุว่า “รถขนคนมาร่วมอีเว้นท์เมื่อวานและจ่ายค่าแรงก่อนเริ่มอีเว้นท์ อีกหนึ่งภาพความประทับใจไม่มีที่ไหนนอกจากประเทศไทยของเราทุกคน แต่สงสัยจังว่าเงินใครอย่าบอกนะครับว่ามาจากภาษีของคนถูกตี”
สำหรับคดีความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14
(1)นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
และ (5) ผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
มีอัตราโทษสูง จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
//////////////
ขอขอบคุณ
ภาพ/ข่าว กมล แย้มอุทัย ผู้สื่อข่าวพิเศษ
0 ความคิดเห็น